ความแตกต่างระหว่าง MT4 และ MT5: ควรเลือกแพลตฟอร์มใด? คู่มือฉบับละเอียดสำหรับผู้เทรดจริง


สรุปสั้น ๆ เข้าใจง่าย

  • หากคุณต้องการค้นหาและทดสอบ EA ที่มีประสิทธิภาพสูงควรเลือกใช้ MT5 เนื่องจากมีระบบทดสอบย้อนหลังที่ทันสมัยและจำลองสภาวะตลาดได้ใกล้เคียงความจริงมากกว่า
  • หากคุณมี EA หรือ Indicator ของ MT4 อยู่แล้ว แต่ยังไม่มีเวอร์ชันของ MT5 → แนะนำให้ ใช้งานจริงด้วย MT4 ต่อไป พร้อมกับเริ่ม ทดสอบและพัฒนาใน MT5 ควบคู่กัน
  • หากคุณเน้นการเทรดแบบ Manual ทั้งสองแพลตฟอร์มสามารถใช้งานได้ดี แต่ปัจจัยสำคัญกว่าคือ คุณภาพของโบรกเกอร์ ต้นทุน และตำแหน่ง VPS

ความแตกต่างพื้นฐานระหว่าง MT4 และ MT5

  • ปีที่เปิดตัว: MT4 เปิดตัวในปี 2005 ส่วน MT5 เปิดตัวในปี 2010 และถูกออกแบบใหม่ทั้งหมด ไม่ใช่การอัปเกรดจาก MT4
  • ความเข้ากันได้: EA หรือ Indicator ของ MT4 ไม่สามารถใช้ใน MT5 ได้โดยตรง ต้องมีการปรับโค้ดหรือซื้อใหม่
  • แนวโน้มของตลาด: ในปัจจุบัน ระบบใหม่ ๆ และเครื่องมือเสริมส่วนใหญ่ ถูกพัฒนาให้รองรับ MT5 มากขึ้นเรื่อย ๆ

ต้นทุนการเทรดและคุณภาพการส่งคำสั่ง

แม้จะใช้โบรกเกอร์เดียวกันและประเภทบัญชีเดียวกัน แต่ ค่าธรรมเนียม สเปรด และ Swap ระหว่าง MT4 และ MT5 แทบไม่แตกต่างกัน ความแตกต่างจะเกิดจาก คุณภาพของเซิร์ฟเวอร์ของโบรกเกอร์ และ ระยะทางของ VPS (Latency) ซึ่งส่งผลต่อความเร็วในการส่งคำสั่ง


การทดสอบย้อนหลัง (Backtest) และการปรับแต่ง EA

การทดสอบย้อนหลังเป็นหัวใจสำคัญของการสร้างกลยุทธ์ EA ที่มีคุณภาพ เพราะช่วยประเมินความเสี่ยงและคาดการณ์ผลตอบแทนได้อย่างแม่นยำ

ข้อดีของ MT5

  • มีความละเอียดของ Tick Data สูงกว่า MT4 โดย MT5 สามารถใช้ข้อมูล Tick จริงจากโบรกเกอร์ ในขณะที่ MT4 สร้างจากข้อมูลแท่ง 1 นาที
  • สามารถตั้งค่าพารามิเตอร์ได้ละเอียดกว่า เช่น Spread, Commission, Delay และ Leverage
  • รองรับการทดสอบแบบ หลายคู่เงินพร้อมกัน เหมาะสำหรับการทดสอบพอร์ตโฟลิโอ
  • มีระบบ การประมวลผลแบบขนาน (Distributed Optimization) ทำให้การปรับแต่งความเร็วสูงขึ้นหลายเท่า

✅ เคล็ดลับสำหรับผู้ใช้งานจริง: หากคุณเป็นนักพัฒนา EA หรือเทรดเดอร์ที่เน้นการทดสอบและปรับแต่งกลยุทธ์ MT5 จะช่วยให้คุณทำ รอบการพัฒนา (PDCA) ได้รวดเร็วและแม่นยำกว่า MT4 อย่างชัดเจน


สินทรัพย์ทางการเงินที่รองรับ

  • MT5: รองรับหลายประเภทสินทรัพย์ เช่น Forex, หุ้น, ดัชนี, ฟิวเจอร์ส, โลหะ, พลังงาน, CFD และคริปโตเคอร์เรนซี
  • MT4: ออกแบบมาสำหรับการเทรด Forex เป็นหลัก

✅ คำแนะนำสำหรับผู้ใช้: หากคุณวางแผนขยายการเทรดไปยัง CFD หรือหุ้นในอนาคต MT5 คือทางเลือกที่เหมาะสมกว่า


ความเร็วและความเสถียรของระบบ

  • MT5: ใช้ระบบ 64-bit พร้อมการประมวลผลแบบหลายเธรด ทำให้สามารถรัน Backtest ระยะยาวได้อย่างมีประสิทธิภาพ
  • MT4: ถึงแม้จะมีประสิทธิภาพดีสำหรับ EA เบา ๆ แต่เมื่อทดสอบข้อมูลขนาดใหญ่จะใช้เวลานานกว่า

✅ สำหรับผู้ที่รัน EA หลายตัวพร้อมกันหรือทำการทดสอบต่อเนื่อง: MT5 จะทำงานได้เร็วกว่าและเสถียรกว่าอย่างเห็นได้ชัด


สภาพแวดล้อมของ EA (ระบบอัตโนมัติ)

  • MT5: ใช้ภาษา MQL5 ซึ่งมีโครงสร้างใหม่ทั้งหมดและมีฟังก์ชันที่ซับซ้อนกว่า EA ของ MT4 จึง ไม่สามารถนำมาใช้ร่วมกันได้
  • MT4: ยังคงมีคลัง EA และ Indicator จำนวนมาก พร้อมชุมชนผู้ใช้ที่เข้มแข็งทั่วโลก

✅ มุมมองในอนาคต: การพัฒนา EA รุ่นใหม่ ๆ จะเน้นไปที่ MT5 มากขึ้น ซึ่งมีความยืดหยุ่นสูงกว่าและรองรับโครงสร้างข้อมูลที่ซับซ้อน


การส่งคำสั่งและการจัดการโพสิชัน (หัวใจสำคัญ)

  • MT5: รองรับทั้ง Hedging และ Netting ขึ้นอยู่กับประเภทบัญชีของโบรกเกอร์
  • MT4: รองรับเฉพาะระบบ Hedging เท่านั้น

✅ แนวทางสำหรับผู้ใช้:

  • กลยุทธ์ที่ใช้การถัวเฉลี่ย หรือเปิดหลายโพสิชันพร้อมกัน → MT4 หรือ MT5 แบบ Hedging
  • การเทรดที่เปิดโพสิชันเดียวต่อคู่เงิน → MT5 แบบ Netting จะเหมาะสมกว่า

โบรกเกอร์ที่รองรับและแนวโน้มในอนาคต

  • ยังมีโบรกเกอร์จำนวนหนึ่งที่ให้บริการ MT4 เป็นหลัก แต่แนวโน้มตลาดกำลัง เปลี่ยนไปสู่ MT5 อย่างต่อเนื่อง
  • บริษัท MetaQuotes ได้หยุดออกใบอนุญาต MT4 ใหม่แล้ว ทำให้ MT5 กลายเป็นมาตรฐานหลักในอนาคต

✅ สรุป: หากคุณมองถึงระยะยาวและต้องการระบบที่สามารถขยายต่อยอดได้ในอนาคต MT5 คือตัวเลือกที่เหนือกว่า


แอปมือถือและความแตกต่างของอินเทอร์เฟซ

  • MT5: มี Timeframe มากกว่า ปรับแต่งอินดิเคเตอร์ได้ง่าย และใช้งานได้ลื่นไหล
  • MT4: มีอินเทอร์เฟซที่เรียบง่าย เหมาะสำหรับผู้ที่เคยใช้งานมานาน

✅ คำแนะนำ: สำหรับผู้เริ่มต้น MT5 บนมือถือใช้งานง่ายกว่า แต่หากคุณคุ้นเคยกับ MT4 อยู่แล้ว ไม่จำเป็นต้องเปลี่ยนทันที


ไขความเข้าใจผิดที่พบบ่อย

  • MT5 ไม่สามารถทำ Hedging ได้” → ไม่เป็นความจริง ขึ้นอยู่กับประเภทบัญชีของโบรกเกอร์
  • MT5 มีข้อมูลน้อย” → ปัจจุบันมีบทความ วิดีโอ และฟอรั่มมากมายที่ให้ความรู้เกี่ยวกับ MT5
  • แพลตฟอร์มไหนเทรดได้กำไรมากกว่า?” → ผลลัพธ์ขึ้นอยู่กับกลยุทธ์ คุณภาพการส่งคำสั่ง และการจัดการความเสี่ยง ไม่ใช่ตัวแพลตฟอร์ม

สรุปแบบตาราง: เหมาะกับใคร?

  • ต้องการพัฒนาและทดสอบ EA ใหม่ → ✅ MT5
  • ต้องการเทรดสินทรัพย์นอกจาก Forex → ✅ MT5
  • เน้นการทดสอบระยะยาวและปรับแต่งกลยุทธ์ → ✅ MT5
  • ใช้ EA เดิมที่รองรับเฉพาะ MT4 → ✅ MT4

รายการตรวจสอบก่อนเริ่มต้น

  • ประเภทบัญชี: MT5 แบบ Hedge หรือ Netting
  • ตำแหน่ง VPS: อยู่ใกล้เซิร์ฟเวอร์ของโบรกเกอร์หรือไม่
  • สเปกเครื่อง: CPU, RAM, พื้นที่เก็บข้อมูลเพียงพอสำหรับการรันหลาย EA
  • ระบบบริหารความเสี่ยง: การจำกัด Drawdown การคำนวณ Lot และการจัดการเมื่อขาดทุนต่อเนื่อง
  • ระบบตรวจสอบ: แจ้งเตือนเมื่อ MT หยุดทำงาน และรีสตาร์ทอัตโนมัติ

ข้อสรุปสำหรับผู้เริ่มต้น (แผนที่นำทาง)

  • MT5 เป็นตัวเลือกหลักที่แนะนำ ด้วยความเร็วในการประมวลผลและฟังก์ชันการทดสอบที่เหนือกว่า
  • หากใช้โบรกเกอร์และบัญชีเดียวกัน ความแตกต่างเรื่องต้นทุนและความเร็วในการส่งคำสั่งมีเพียงเล็กน้อย สิ่งสำคัญคือการเลือกโบรกเกอร์ที่ดีและ VPS ที่มีความเสถียร

คำถามที่พบบ่อย (FAQ)

ถาม: EA ของ MT4 ใช้กับ MT5 ได้หรือไม่?
ตอบ: ไม่ได้ เพราะสถาปัตยกรรมของระบบต่างกัน ต้องเขียนใหม่หรือหาซื้อเวอร์ชัน MT5
ถาม: MT5 สามารถทำ Hedging ได้ไหม?
ตอบ: ได้ หากเป็นบัญชีที่รองรับ Hedging ซึ่งโบรกเกอร์ส่วนใหญ่มีให้เลือก
ถาม: ทดสอบใน MT5 แต่ใช้งานจริงใน MT4 ได้ไหม?
ตอบ: ได้ เป็นแนวทางที่นิยม เพราะ MT5 ทดสอบได้เร็วและแม่นกว่า
ถาม: ความเร็วในการส่งคำสั่งต่างกันไหม?
ตอบ: ไม่ต่างมาก ขึ้นอยู่กับคุณภาพโบรกเกอร์และตำแหน่ง VPS
ถาม: สำหรับผู้เริ่มต้น ควรใช้แพลตฟอร์มใด?
ตอบ: MT5 เป็นทางเลือกที่เหมาะสมที่สุด เพราะรองรับอนาคตและทดสอบได้แม่นยำกว่า
ถาม: ตำแหน่ง VPS สำคัญแค่ไหน?
ตอบ: สำคัญมาก โดยเฉพาะสำหรับสาย Scalping ยิ่งอยู่ใกล้เซิร์ฟเวอร์ ยิ่งลด Slippage

ใส่ความเห็น